มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “เมื่อสถานการณ์เข้าสู่วิกฤต คนที่เข้มแข็งจะยังคงเดินหน้าต่อไปสู่ความสำเร็จ” ผมชอบคำกล่าวนี้มาก เพราะเป็นคำกล่าวที่สอนให้เราอุตสาหะมานะและขยันขันแข็ง มีคนจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคทุกๆวันแต่ยังคงรักษา “ใบหน้าแห่งความมุ่งมั่น” และสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ด้วยความไม่ย่อท้อและการทำงานอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม เราควรจะจัดการกับชีวิตอย่างไร ในยามที่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตดูเหมือนกำลังพังทลายลง เมื่อชีวิตดูเหมือนกับไม่มีทางออก และไร้สิ้นซึ่งความหวังที่กลับไปมีชีวิตที่เหมือนเดิมได้
ในพระธรรมยากอบ เขียนไว้ว่า:
พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย (ยากอบ 1:2-4)
นี่แน่ะ เราถือว่าคนเหล่านั้นที่สู้ทนก็เป็นสุข ท่านได้ยินเรื่องความทรหดอดทนของโยบและได้เห็นสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาในบั้นปลาย คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีความสงสารและความเมตตากรุณาเพียงไร (ยากอบ 5:11)
เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)
โดยส่วนตัวแล้ว ข้อเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกขยาด ใครจะสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความชื่นชมยินดีได้ ถ้าเขาเพิ่งจะต้องสูญเสียคนที่เขารักไป หรือกำลังประสบกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง สิ่งที่พระธรรมยากอบพูดนั้นดูเหมือนเกินความจริงไป เราควรจะแค่ปั้นหน้ายิ้มแล้วเดินหน้าต่อไปหรือ?
ผมอยากจะแบ่งปันความคิดบางอย่างที่ผมเชื่อว่าจะมีประโยชน์ในเรื่องนี้
ในยากอบ 1:2 คำว่า “จงถือ” สามารถแปลได้ในความหมายว่า พิจารณา, เห็นว่า, หรือ คิด จะสังเกตเห็นได้ว่า ข้อนี้ไม่ได้บอกว่าเราจะมีการตอบสนองด้วยความชื่นชมยินดี แต่เป็นการแสดงความไว้วางใจในพระลักษณะของพระเจ้าว่าท่ามกลางความยากลำบาก เราจะ “ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง” การไว้วางใจในพระลักษณะของพระเจ้านั้นมาจากการที่เราตั้งใจที่จะเลือกไว้วางใจในพระองค์
เราจะต้องรู้จักพระเจ้าของเรา ซึ่งความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าที่เรามีนั้นจะต้องมาจากประสบการณ์ที่เราเคยได้สัมผัสถึงความดีของพระองค์ ในชีวิตของเรานั้นเราจะต้องมีแหล่งเก็บข้อมูลที่เราเองสามารถมองกลับไปแล้วเห็นถึงความดีที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของเรา ที่ซึ่งเราสามารถเห็นถึงวิธีที่พระเจ้าทรงช่วยเราผ่านพ้นช่วงเวลายากๆในชีวิต หรือทรงอวยพระพรเราในวิธีที่เกินความคาดคิดของเรา
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราเองจะต้องกลับไปดูที่ความดีของพระเจ้าที่พระองค์ทรงสำแดงไว้บนไม้กางเขนของพระเยซู ที่ไม้กางเขนนั่นเองที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักยิ่งใหญ่ให้แก่คนของพระองค์ การลงโทษความบาปผิดของเราได้ตกไปอยู่บนพระผู้ช่วยให้รอดของเรา สิ่งนี้เองที่เป็นหลักการพื้นฐานของเรายามที่เราต้องเผชิญกับ “ความทุกข์ยากในทุกรูปแบบ” เมื่อเรามองกลับไปที่ไม้กางเขน เราสามารถมองไปข้างหน้าได้ด้วยความมั่นใจ เพราะเรารู้ว่า พระเจ้าดี และพระองค์เองสามารถที่จะให้ทุกสิ่งเกิดผลดีแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
ในสัปดาห์นี้ คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากพระคัมภีร์? ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ได้บอกอะไรกับคุณบ้าง? ช่วยแบ่งปันความคิดเห็นของคุณด้านล่างนี้ด้วยนะครับ!