การแต่งงานในทางคริสเตียน คือการแต่งงานที่เริ่มต้นและดำเนินไปตามหลักการของพระคัมภีร์
- เป็นการแต่งงานระหว่างผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่ง (ปฐมกาล 2:24 และมัทธิว 19:4-5) การแต่งงานในทางคริสเตียนนั้นไม่อนุญาตให้มีความสัมพันธ์แบบหลายภรรยาหรือหลายสามี และตามหลักการทางพระคัมภีร์นั้นก็ไม่มี “การแต่งงาน” ระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย หรือผู้หญิงกับผู้หญิง ด้วยเช่นกัน การแต่งงานในทางคริสเตียนนั้นเป็นพันธสัญญาระหว่างผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งตลอดทั้งชีวิต
- การแต่งงานในทางคริสเตียนนั้นเริ่มต้นด้วยคำมั่นสัญญาต่อพระพักตร์พระเจ้าว่าจะซื่อสัตย์ต่อกันและกัน ในมาลาคี 2:14 ได้กล่าวว่า “… เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานระหว่างท่านกับภรรยาคนที่ท่านได้เมื่อหนุ่มนั้น” สุภาษิต 2:17 พูดถึงหญิงที่นอกใจสามีว่า “ผู้ทอดทิ้งคู่ชีวิตที่นางได้เมื่อยังสาวและลืมพันธสัญญาแห่งพระเจ้าของนาง” คำว่าพันธสัญญานั้นหมายถึงการแต่งงานของนาง ข้อนี้ให้เราเห็นว่าการแต่งงานเป็นพันธสัญญาต่อพระพักตร์ของพระเจ้า
- การแต่งงานยังจำเป็นต้องประกาศคำมั่นสัญญาต่อหน้าคนอื่นๆด้วย เพื่อคนในสังคมจะสามารถปฎิบัติกับคู่สามีภรรยานี้ในฐานะสามีภรรยาที่แต่งงานแล้ว วิธีนี้คู่สามีภรรยาจะสามารถรับผิดชอบต่อคำสัญญาที่พวกเขาให้ต่อกันต่อหน้าพยานหลายคน ตอนที่พระเยซูคุยกับผู้หญิงที่บ่อน้ำในสะมาเรีย พระองค์พูดว่า “เพราะเธอมีสามีถึงห้าคนแล้ว และคนที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่สามีของเธอ เรื่องนี้เธอพูดจริง” (ยอห์น 4:18) ผู้หญิงคนนี้กำลังอยู่กินกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่สามีของนาง เพราะพวกเขาไม่เคยแสดงความมุ่งมั่นต่อสาธารณชน ดังนั้นพระเยซูจึงมองพวกเขาในฐานะคนที่ไม่ได้แต่งงานกัน
- มันเป็นเรื่องที่ปกติจะจบลงด้วยความสัมพันธ์ทางเพศ (ปฐมกาล 2:24 และมัทธิว 19:4-5) (เว้นแต่ว่ามีความพิการ หรือสถานการณ์อะไรอื่นที่ทำให้คู่สามีภรรยาไม่อาจมีความสัมพันธ์ทางเพศต่อกันได้) ความสัมพันธ์ทางเพศจึงควรที่จะเกิดขึ้นภายใต้ความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญาของการแต่งงาน ความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดขึ้นภายนอกการแต่งงานคือการล่วงประเวณีและประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศ (ฮีบรู 13:4)
- การแต่งงานในทางคริสเตียนเป็นภาพของความสัมพันธ์ของพระคริสต์กับคริสตจักร (เอเฟซัส 5:32) พระคริสต์ทรงประทานพระองค์เองให้คริสตจักร และเช่นเดียวกัน สามีควรเสียสละตัวเองกับภรรยาของเขาและรักนางเหมือนรักร่างกายของตนเอง (เอเฟซัส 5:25-29) และอย่างที่คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ เช่นเดียวกัน ภรรยาควรยอมฟังสามีของนาง และยอมรับเขาในฐานะศีรษะของครอบครัว (ข้อ 22-24) ในการแต่งงานในทางคริสเตียนนั้นไม่มีที่ว่างสำหรับความเห็นแก่ตัว คู่สามีภรรยานั้นถูกเรียกให้ให้เกียรติกันและกัน (1 เปโตร 3:2-7) การแต่งงานในทางคริสเตียนสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักร คือจะต้องมีความรัก ความซื่อสัตย์ และทัศนคติแห่งการรับใช้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แน่นอนว่า เราอยู่ในโลกที่เสื่อมทราม และคริสเตียนก็มักจะต้องต่อสู้ดิ้นรนในการแต่งงานของพวกเขาด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากมากมาย ทั้งสามีภรรยาที่อยู่ในการแต่งงานในทางคริสเตียนนี้ก็ยังถูกเรียกให้แสดงภาพของพระคริสต์ออกมาในการแต่งงานของพวกเขา นี่หมายความว่า พวกเขาพร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน มันหมายถึงพวกเขาเต็มใจที่จะเชื่อฟังพระเจ้าและพระคำของพระองค์ที่สอนพวกเขาให้ซื่อสัตย์ต่อกันแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก มันหมายถึงว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะถวายเกียรติพระเจ้าผ่านทางความสัมพันธ์ของพวกเขา พระเจ้าจะประทานพระคุณให้เราที่จะทำแบบนั้นได้เมื่อเราทูลขอต่อพระองค์ (ฮีบรู 4:14-16)