การถูกผีเข้าสิงหมายความว่าผีนั้นจะควบคุมการกระทำหรือคำพูดของคนๆนั้น ซึ่งมีตัวอย่างที่ชัดเจนจากในลูกา 8 ซึ่งเราได้เห็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ และเขามีกำลังมากเหนือมนุษย์ทั่วไป พระเยซูได้สั่งให้วิญญาณชั่วหลายตัวออกไปจากผู้ชายคนนั้น และเขาก็ได้กลายเป็นคนปกติ
ผู้เชื่อทุกคนเป็นพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของเรา ดังนั้นมันชัดเจนว่ามารซาตานไม่สามารถที่จะเป็นเจ้าของหรือครอบครองเราได้แบบนั้น 1 ยอห์น 4:4 สอนเราว่า “พระองค์ผู้ทรงอยู่ในพวกท่าน (นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์) ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก” (นั่นคือมารซาตาน) ในเราคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ส่วนในโลกนี้คือมารซาตาน และเพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงยิ่งใหญ่กว่ามารซาตาน พวกมันจึงไม่สามารถที่จะเข้ามาครอบครองเราได้ ดังนั้นคุณเองต้องแน่ใจว่าคุณเป็นบุตรของพระเจ้า แล้วคุณจะมั่นใจได้ว่ามารซาตานไม่อาจที่จะเข้าสิงคุณได้
นี่ไม่ได้หมายความว่ามารซาตานไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้เชื่อ เปาโลบอกเราว่าเราต้อง “ต่อสู้กับอุบายของมาร” (เอเฟซัส 6:11) และมารซาตานอาจจะโจมตีเราด้วยการล่อลวงให้เราทำบาป (อ่านเพิ่มใน 1 ทิโมธี 3:7) แต่ว่าความเชื่อ การอธิษฐาน และพระคำของพระเจ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า” จะช่วยเราให้ต่อสู้กับการโจมตีของมารซาตานได้ และเมื่อเรา ยืนหยัดต่อสู้ พระคัมภีร์ก็สัญญาว่ามารซาตานจะยอมแพ้: “จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป” (ยากอบ 4:7)
อย่างไรก็ตาม มารซาตานก็ยังคงเป็นศัตรูร้ายกาจของเรา มีความบาปหลายอย่างที่สร้างฐานที่มั่นคงให้มารซาตานมาอยู่ในชีวิตของเรา (เอเฟซัส 4:27) ถ้าเราหันหลังจากพระเจ้า การครอบครองของมารซาตานเหนือชีวิตของเราก็จะเติบโตขึ้น ดังนั้นในคำอธิษฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราอธิษฐานว่า “ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย” (มัทธิว 6:13) ซึ่งคำอธิษฐานนี้น่าจะหมายถึง “ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากผู้ที่ชั่วร้าย” ซึ่งก็คือ มารซาตาน นั่นเอง เราอธิษฐานเผื่อตัวเราเองและผู้อื่นว่ามารซาตานจะไม่เข้ามาอยู่ในชีวิตของพวกเรา
ดังนั้นแล้ว เราอาจจะอธิษฐานที่พระเจ้าจะช่วยเราให้พ้นจากการโจมตีของมารซาตาน อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะเข้าใจว่าการโจมตีนี้เป็นการรบกวนที่มาจากภายนอก ผู้ที่เป็นเจ้าของและครอบครองเรานั้น เป็นผู้ซึ่งอยู่กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์นั้น และพระองค์คือพระเจ้า