เนื้อเรื่องในคำถามนี้เป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้เชื่อใหม่ที่พยายามปรับชีวิตตัวเองให้สอดคล้องกับชีวิตคริสเตียน ในขณะที่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมชุมชนเดิมที่คนส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่ใช่คริสเตียน และอาจไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร คริสเตียนถึงทำอะไรบ้างอย่าง และไม่ทำอะไรบ้างอย่างทั้งที่สิ่งๆนั้นเป็นการปฏิบัติทั่วไปของคนในชุมชนสังคม
พิธีและประเพณี
งานศพและงานแต่งงานถือเป็นประเพณีและพิธีกรรมหลัก 2 พิธีที่ทุกศาสนาเข้าไปและมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานได้ นอกจากสองงานนี้แล้วมีพิธีกรรมอื่นๆที่มีเฉพาะในบางศาสนา โดยที่ศาสนาอื่นไม่มี
สิ่งที่สำคัญที่เราควรตระหนักคือ งานพิธีประเพณีที่เรากำลังไปร่วมนั้น มีผลเป็นนัยสำคัญหรือเป็นการบูชาวิญญาณอะไรหรือไม่? ซึ่งสำหรับคริสเตียน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรู้และจะพิจารณาเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง
นับตั้งแต่เวลาที่เราเริ่มมาเป็นคริสเตียน พระเจ้าได้มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เรา เพื่อสอนและนำเราให้แยกแยะสิ่งดีต่างๆ และเราก็ยังมีพระคัมภีร์ที่ถือเป็นหนังสือคู่มือที่ช่วยให้เรารู้น้ำพระทัยพระเจ้าที่มีต่อชีวิต
- ขั้นแรก
ถ้ามองไม่ออกเลยว่า งานไหนที่คริสเตียนเข้าร่วมได้บ้าง? สิ่งแรกควรอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์นำให้รู้ว่าเราควรทำอย่างไรกับคำเชิญนี้ และขอพระองค์ช่วยให้เข้าใจว่าการไปร่วมงานหรือพิธีประเพณีนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
- ขั้นตอนที่สอง สิ่งถัดมาที่ควรทำคือ การถามผู้รู้จากคนที่เป็นคริสเตียนด้วยกัน อาจจะเป็นคนที่นำคุณรับเชื่อ ผู้นำคริสตจักรหรือศิษยาภิบาลของคุณก็ได้
- ขั้นตอนที่สาม พิจารณาสิ่งที่พระคัมภีร์บอกเรา ในพระคัมภีร์เก่ามีหลายเหตุการณ์,หลายตัวอย่างและคำแนะนำที่ช่วยให้เราเข้าใจคำถามนี้ได้ ในครั้งที่พระเจ้านำลูกหลานของคนอิสราเอลออกจากถิ่นทุรกันดารไปสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา พระเจ้าบอกพวกเขาไม่ให้นมัสการพระองค์เหมือนยังคนท้องถิ่นและคนบริเวณนั้นทำ เพราะพวกเขานมัสการรูปเคารพและทำพิธีกรรมหลายๆอย่างที่พระเจ้าไม่ได้ทรงเห็นด้วย ตัวอย่างในธรรมบัญญัติ 12:29-31 เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บ้างครั้งคนของพระเจ้าเอง กลับละเลยคำแนะนำของพระองค์ แล้วรู้ตัวทีหลังว่าการที่ถูกพระเจ้าลงโทษอยู่นั้น เป็นเพราะการไม่เชื่อฟังของพวกเขา (ต.ย.ในเอเสเคียล 5:11) ในพระคัมภีร์ใหม่อัครทูตเปาโลอธิบายไว้ชัดเจนว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมกับพิธีกรรมของศาสนาอื่นมีความหมายว่าอย่างไร 1 โครินธ์ 10:20 เขียนไว้ว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่เรากำลังพูดว่า เนื้อที่เอามาเซ่นไหว้รูปเคารพนั้นทำให้กับพวกปีศาจไม่ใช่พระเจ้า เราไม่อยากให้พวกท่านไปมีส่วนร่วมกับปีศาจนั้น” นี้เป็นหลักและเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ว่าทำไมเราควรหลีกเลี่ยง
สามคำถามที่ควรถามตัวเอง ก่อนเข้าร่วมพิธีกรรมใดๆ
เมื่อเรากำลังพิจารณาการเข้าร่วมพิธีกรรมใดๆ เราควรพิจารณาพิธีหรือประเพณีนั้นในหลายๆมุมมอง แล้วถามตัวเราเองด้วย 3 คำถามนี้
- พิธีกรรมนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปเคารพหรือไม่ ? เราควรหลีกเลี่ยงขบวนแห่หรือพิธีใดๆที่รูปเคารพมีบทบาทสำคัญต่องาน
- พิธีนี้หรือประเพณีนี้มีการยกย่องผีหรือวิญญาณอื่นที่ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ ? พิธีนี้ได้มีการขอความช่วยเหลือจากการเรียกหรือเชิญวิญญาณอะไรมาหรือไม่? ถ้ามีก็ควรหลีกเลี่ยง
- พิธีนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเรื่องวิญญาณและเรื่องทั่วไปหรือไม่ ? อย่างเช่นงานแต่งงาน หรืองานศพ ลองคิดถึงพิธีรำลึกถึงผู้ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว และพร้อมกับบูชาวิญญาณของเขา หรือมีจารีตปฏิบัติที่จุดธูปเทียนเครื่องหอมหรือมีการสื่อสารกับวิญญาณผู้ตาย พิธีที่ทำเพื่อให้เกียรติและแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับและทำได้ แต่เราไม่ควรเข้าร่วมพิธีหรือประเพณีใดที่มีผลนัยสำคัญต่อศาสนาอื่น(การไหว้รูปเคารพหรือบูชาวิญญาณอื่น) ส่วนการให้พรหรือกำลังใจต่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานแต่งงานเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่เมื่อใดที่พิธีหรือจารีนั้น เรียกเชิญวิญญาณบรรพบุรุษหรือวิญญาณใดๆมาเพื่ออวยพร ก็ควรเลี่ยงการเข้าร่วมพิธีนั้น
การเข้าไปร่วมงานพิธีกรรมต่างๆที่ไม่ใช่ของคริสเตียน
ถ้าคุณทำตามขั้นตอน แล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และมั่นใจว่าคุณสามารถเข้าร่วมพิธี ประเพณี จารีตนั้นๆได้ เพราะที่นั้นไม่มีการเกี่ยวข้องกับวิญญาณ ศาสนา หรือวิญญาณชั่ว การเข้าร่วมงานนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้ การไม่แยกตัวออกจากงานทุกงานของชุมชนสังคมที่เราอยู่ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อทั้งผู้เชื่อใหม่และบรรดาผู้เชื่อทุกคน เพราะถ้าทำอย่างนั้นแล้ว จะเป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถแบ่งปั่นพระกิตติคุณต่อคนรอบข้าง เพือน หรือแม้แต่คนในครอบครัว เพราะเราจะถูกมองเป็นคนนอกที่หักหลักและปฏิเสธวิถีชีวิตของพวกเขา
ให้เราพยายามแสดงความรักและแสดงความเคารพต่อคนรอบข้างเราทุกคนครับ อธิษฐานขอพระเจ้าที่จะทรงนำคุณตลอดกระบวนการตัดสิน แล้วใช้ความถ่อมใจ สติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าในทุกการตัดสินใจ เมื่อต้องเลือกทำอะไรที่ดูเป็นการสร้างความแตกแยกออกจากคนในสังคมของคุณครับ