พระเจ้าทรงเห็นด้วยกับการทำแท้งหรือไม่ ?
หลายประเทศทั่วโลก มองว่าการทำแท้งเป็นทางเลือกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่ต้องการทารกนั้น กลุ่มผู้สนับสนุนการทำแท้งได้โต้แย้งว่าผู้หญิงควรที่จะมีอิสระในการยุติการตั้งครรภ์ของตนได้
กลุ่มผู้คัดค้านการทำแท้งได้โต้แย้งว่า ตัวอ่อนในครรภ์นั้นกำลังเจริญเติบโตขึ้นเป็นมนุษย์ และมีสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการที่จะมีชีวิตอยู่ ดังนั้น การทำแท้งจึงถูกพิจารณาว่าเป็นการฆาตกรรม
เนื่องจากการถกเถียงในเรื่องนี้แท้จริงแล้วมีความสำคัญถึงชีวิต ให้เราลองสำรวจดูว่าพระคัมภีร์ได้บอกอะไรเราเกี่ยวกับมุมมองของพระเจ้าที่ทรงมีต่อการทำแท้ง
ตัวอ่อนในครรภ์นั้นเป็นมนุษย์คนหนึ่งหรือไม่ ?
พระคัมภีร์มีความชัดเจนว่า มนุษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน : “ห้ามฆ่าคน” (อพยพ 20:13) การฆ่าเด็กที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้นั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในสายพระเนตรของพระเจ้า (ดูใน เยเรมีย์ 32:35, สดุดี 94:6-10)
ในการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องการทำแท้งนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่จะพิจารณาว่าตัวอ่อนของทารกที่อยู่ในครรภ์นั้นเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว หรือว่าเป็นเพียงแค่กลุ่มเซลล์ ดังเช่นที่บางคนได้กล่าวไว้
มีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับว่าแท้จริงแล้วชีวิตของมนุษย์เริ่มต้นเมื่อไหร่ บ้างคิดว่าเมื่อตัวอ่อนได้เติบโตขึ้นเป็นมนุษย์ บางคนคิดว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เกิดการปฏิสนธิ บ้างก็ว่าเริ่มตั้งหัวใจเริ่มเต้นครั้งแรก หรือวินาทีที่ตัวอ่อนได้ฝังตัวอยู่ที่มดลูกของมารดา แต่ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เกิดขึ้นภายใน 3 สัปดาห์แรกหลังจากเกิดการปฏิสนธิ เกิดขึ้นนานก่อนที่จะมีการทำแท้ง
มันเป็นเรื่องไร้สาระที่จะกล่าวว่า ตัวอ่อนของทารกในครรภ์นั้นเป็นเพียงแต่กลุ่มเซลล์เท่านั้น การที่ตัวอ่อนเหล่านั้นสามารถเจริญเติบโต พัฒนา และรักษาสภาพทางพันธุกรรมจนพัฒนาขึ้นมาสู่บุคลิกภาพที่มีความเฉพาะตัวนั้น ตัวอ่อนเหล่านั้นก็คือมนุษย์ที่กำลังรอที่จะเกิดมานั่นเอง
พระเจ้าทรงให้คุณค่ากับชีวิตที่กำลังจะเกิดมาหรือไม่ ?
การเจริญเติบโตของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างทั้งจักรวาล รวมถึงมนุษย์ทุกคนด้วย สดุดี 139:13-16 ได้ร้องสรรเสริญถึงความใส่ใจของพระองค์ที่มีต่อชีวิตที่ยังไม่ได้ถือกำเนิดมา:
“ เพราะพระองค์ทรงสร้างชิ้นส่วนภายในข้าพระองค์
พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์เข้าด้วยกันในครรภ์มารดา
ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์น่าครั่นคร้าม
บรรดาพระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ ข้าพระองค์ทราบดี
โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ได้ถูกซ่อนไว้จากพระองค์
เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้ ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก
พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง
วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น
ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย”
ลองดูที่ เยเรมีย์ 1:5 ด้วย
“เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าขึ้นในครรภ์
และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้
เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติ”
ดังนั้น ใช่แล้ว พระเจ้าทรงรู้จักและทรงให้คุณค่ากับชีวิตที่กำลังจะออกมา แม้แต่ตัวอ่อนนั้น “ยังไม่เป็นรูปทรง” วันเวลาทุกวันของเขาได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระเจ้าแล้ว ลักษณะรูปทรงภายนอกของตัวอ่อนนั้นไม่ได้มีผลต่อคุณค่าที่เขามีในสายพระเนตรของพระเจ้า
เหตุผลอะไรบ้างที่สามารถจะทำแท้งตัวอ่อนทารกในครรภ์ได้ ?
ในเมื่อตัวอ่อนนั้นคือมนุษย์คนหนึ่ง และมนุษย์ทุกๆคนนั้นมีคุณค่าต่อพระเจ้า ดังนั้นการทำแท้งจึงเป็นการฆาตกรรม มีเหตุผลที่ถูกต้องเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นในการที่จะพรากชีวิตของเด็กที่กำลังจะเกิดมา นั่นคือเพื่อที่จะช่วยชีวิตมารดาของเขา นั่นคือเพื่อที่จะปกป้องไม่ให้ทั้งมารดาและเด็กจะต้องเสียชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก
การทำแท้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากแรงจูงใจอื่น ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ บางเหตุผลนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ได้เห็นคุณค่าของตัวอ่อนในครรภ์เลย แต่สนใจเฉพาะมารดาเท่านั้น ผู้หญิงบางคนคิดว่าชีวิตของเขาจะต้องพังทลายลงถ้าพวกเขามีลูกก่อนที่จะจบการศึกษา บางคนคิดว่าพวกเขามีลูกพอแล้ว บางคนคิดว่าตัวเองยังเด็กเกินไป หรือสถานการณ์ทางการเงินของพวกเขาไม่ดี ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่จริงจัง ผู้หญิงเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม การทำแท้งไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง
ความเจ็บป่วยและความพิการสามารถเป็นเหตุผลที่เหมาะสมในการทำแท้งหรือไม่ ?
เหตุผลที่ซับซ้อนมากกว่านั้นของการทำแท้งอาจจะเกี่ยวกับสุขภาพของตัวอ่อนนั้น การทดสอบสมัยใหม่สามารถเปิดเผยความพิการและความเจ็บป่วยอย่างรุนแรงของทารกได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ความเจ็บป่วยบางอย่างนั้นอาจจะรุนแรงจนถึงขั้นที่ทารกมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก แต่ความเจ็บป่วยบางอย่างอาจไม่ได้อันตรายถึงชีวิตแต่จะมีผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพของเด็กและ “คุณภาพชีวิต”ของเด็กที่จะเกิดมา ในกรณีเหล่านี้ พ่อแม่บางคนตัดสินใจที่จะทำแท้งเพื่อป้องกันความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเขามักจะตัดสินใจหลังจากที่ได้พิจารณาอย่างดีแล้วและออกมาจากความรักที่แท้จริง
แต่ข้าพเจ้าคิดว่ามนุษย์เราไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์อีกคนได้ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ในฐานะคริสเตียน เรารู้ว่าชีวิตของมนุษย์นั้นมีคุณค่าหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะพิการหรือว่าไม่สมประกอบ
จากแง่มุมนี้เอง โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์เนื่องจากมนุษย์มีจิตวิญญาณที่เป็นอมตะ มากยิ่งกว่านั้น เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างพัฒนาการของชีวิตมนุษย์ เราไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะพรากชีวิตนั้นไป “โลกกับสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระยาห์เวห์ ทั้งพิภพกับบรรดาผู้ที่อยู่ในพิภพนั้น” (สดุดี 24:1) การตัดสินใจจากความกังวลในเรื่องการรักษาทางการแพทย์นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และไม่มีคำตอบที่ง่ายในเรื่องนี้ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าการทำแท้งนั้นไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง
ถ้าฉันเคยทำแท้งมาแล้วล่ะ ?
ผู้หญิงหลายคนผ่านการทำแท้งมาแล้ว การที่เราให้ข้อสรุปว่าพระเจ้าทรงไม่เห็นด้วยกับการทำแท้งนั้น คุณควรจะทำอย่างไรถ้าคุณเคยทำแท้งมาแล้ว ?
อันดับแรก ขอให้คุณสารภาพบาปกับพระเจ้าและขอให้พระเจ้าทรงให้อภัยคุณ ( 1 ยอห์น 1:9, 1 ยอห์น 2:1-2) ถึงแม้ว่าการทำแท้งนั้นจะเป็นบาปที่รุนแรง แต่ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่าพระเจ้าจะไม่ให้อภัยคุณ พระองค์ทรงให้อภัยคนที่ฆ่าผู้อื่นถ้าคนนั้นกลับใจใหม่
มากยิ่งกว่านั้น การทำแท้งนั้นสามารถมีผลในระยาว ทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับเรื่องนี้ ขอให้คุณขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ผู้ให้คำปรึกษาคริสเตียนสามารถช่วยคุณให้จัดการกับการตัดสินใจในอดีตและผลที่ตามมาได้ เพราะว่าไม่เพียงแต่เด็กที่ยังไม่ได้เกิดมาเท่านั้นที่มีค่าสำหรับพระเจ้า แต่มารดาของเด็กเหล่านั้นมีค่าอย่างมากในสายพระเนตรของพระเจ้าด้วยเช่นกัน พระองค์ปรารถนาที่จะให้สวัสดิภาพแก่คุณ ให้อนาคตและความหวังใจแก่คุณ (เยเรมีย์ 29:11)
จากสิ่งที่พระคัมภีร์ได้สอนนี้ คุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง? กรุณาแสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่าง !